วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2560

กลุ่มเพลงประกอบการละเล่น

เพลงพื้นบ้าน
ประเภทประกอบการละเล่น รวมกับกลุ่ม 5,6

1. เพลงประกอบการละเล่นภาคกลาง มอญซ่อนผ้า

  เพลงประกอบการเล่น
        "มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง  ใครเผลอคอยระวัง ใครเผลอคอยระวัง ตุ๊กตาอยู่ข้างหลังระวังจะถูกตี”  
อุปกรณ์
        ผ้าเช็ดหน้าขนาดใหญ่หนึ่งผืน ไม่ต้องขมวดหรือพันให้เป็นเกลียว เพราะถ้าฟาดถูกผู้ใดเข้าแล้วจะเจ็บ

        วิธีเล่น
        ขั้นที่ ๑ ให้ผู้เล่นทั้งหมดจับไม้สั้นไม้ยาว ผู้ที่ได้ไม้สั้นที่สุด ถือผ้าเช็ดหน้าที่เตรียมไว้แล้วออกไปยืนข้างนอก ที่เหลือนอกนั้นนั่งกันเป็นวงกลม หันหน้าเข้าหากัน ในระยะห่างกันประมาณ ๑ ศอก เอามือทั้งสองพาดไว้ที่ตัก คุยกันหรือร้องเพลงก็ได้ เพื่อความรื่นเริง
        ขั้นที่ ๒ ให้ผู้ถือผ้าบังตัวไว้มิให้ผู้นั่งเห็นได้ถนัด แล้วเดินหรือวิ่งไปรอบๆ วงต้องทำท่าหรือหน้าตาให้สนิท เดินบ้างวิ่งบ้าง ทำเป็นวางผ้าแต่ไม่วาง เพื่อหลอกล่อผู้ที่นั่งให้เผลอตัวเมื่อเห็นเป็นโอกาสแล้วก็แอบหย่อนผ้าลงไว้ ใกล้หลังผู้นั่งคนใดคนหนึ่ง เมื่อวางผ้าแล้วควรเดินหรือวิ่งให้เร็วต่อไปเพื่อกลับถึงที่เดิมโดยมิให้ผู้ นั้นต้องรู้ตัว
        ขั้นที่ ๓ ถ้าผู้ถูกวางผ้าข้างหลังรู้สึกตัวเสียก่อนผู้วางผ้ามาถึง ก็ต้องรีบฉวยผ้าวิ่งมานั่งแทนที่ของตนได้ แล้วจึงเดินหาโอกาสวางผ้าไว้ข้างหลังผู้หนึ่งผู้ใดต่อไป แต่ถ้าถูกวางข้างหลังไม่รู้สึกตัว จนผู้ที่วางวิ่งมาถึงก็หยิบผ้าที่วางนั้นขึ้นฟาดผู้ถูกวางจนกว่าจะลุกขึ้น รับผ้าออกเดิน ผู้วางจึงลงนั่งแทนที่
ข้อระวังในการเล่น ผู้นั่งทุกคนจะหันหน้าไปดูข้างหลังไม่ได้ ถ้าหากสงสัยว่าจะมีผ้าอยู่ข้างหลังตนหรือไม่ก็ให้ใช้มือคลำดูเท่านั้น ผู้ถือต้องวางผ้าลงข้างหลังให้ใกล้ตัวผู้นั่ง จะวางเกินกว่า ๑ ศอกไม่ได้และให้วิ่งหรือเดินต่อไปข้างหน้าจนบรรจบรอบ จะหันหลังเดินย้อนมาไม่ได้

2.เพลงประกอบการละเล่นภาคเหนือ  โพงพาง

ภาค: ภาคเหนือ 

จังหวัด: ตาก สถานที่เล่น: สนาม,ลานกว้าง อุปกรณ์: ผ้าปิดตา จำนวนผู้เล่น: ไม่จำกัดจำนวน กติกา            ใครถูกจับได้ และบอกชื่อถูกต้องเป็นโพงพางแทนวิธีเล่น             หาคนที่เป็นปลาโดยการจับไม้สั้น ไม้ยาว เอาผ้าผูกตาคนที่เป็นปลา แล้วหมุน 3 รอบ ผู้เล่นคนอื่นๆ ล้อมวงจับมือกันเดินเป็นวงกลม พร้อมกับร้องเพลงประกอบ เมื่อจบเพลงถามว่า ปลาเป็นหรือปลาตายถ้าตอบว่า ปลาเป็น คนที่อยู่รอบวงจะขยับเขยื้อนหนีได้ ถ้าบอกปลาตายจะต้องนั่งอยู่เฉยๆ หากคนที่ถูกปิดตาทายถูกว่าผู้ที่ตนจับได้เป็นใคร ผู้ที่ถูกจับนั้นก็ต้องมาเป็นปลาแทน ถ้าทายผิดก็ต้องเป็นต่อไป
บทร้องประกอบการเล่น         
            "โพงพางเอย ปลาเข้าลอดปลาตาบอด เข้าลอดโพงพางโพงพางเอย นกกระยางเข้าลอดเสือปลาตาบอด เข้าลอดโพงพางกินปลาเป็นหรือกินปลาตาย"   
ประโยชน์ของการเล่น                                                           
            การละเล่นชนิดนี้ฝึกความสังเกต ความจำ และความมีไหวพริบโอกาส
เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่เด็ก ๆ เล่นกันโดยทั่วไป

3.เพลงประกอบการละเล่นภาคอีสาน จ้ำมู่มี่



เพลง จ้ำมู่มี่
จ้ำมู่มี่ มู่มกมู่มน หักคอคนใส่หน้านกก๊ด หน้านกก๊ดหน้าลิง หน้าลาย หน้าผีพราย หน้าหยิบ หน้าหย่อม หย่อมแยะ อีแม่ตอแหละ ถือแหวนข้างซ้าย ย้ายออกตอกเข้าสุดปั๋ด
จำนวนผู้เล่น ประมาณ 2-3 คนขึ้นไป
วิธีเล่น
              ผู้เล่นนั่งล้อมวงกัน คว่ำมือทั้งสองลงบนพื้น คนหนึ่งเป็นคนจี้ โดยใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่นิ้วของผู้เล่นไล่ไปทีละนิ้วให้รอบวง พร้อมทั้งร้องเพลงไปด้วย เมื่อร้องจบแล้ว จิ้มอยู่ที่นิ้วใดคนนั้นต้องพับนิ้วนั้นเข้าไป ผู้จิ้มก็เริ่มเล่นใหม่ไปเรื่อยๆ ใครต้องพับนิ้วทั้งหมดเป็นคนแรกแพ้
สถานที่เล่น : เล่นในพื้นที่โล่ง กว้าง
เวลาในการเล่น : เล่นตอนไหนก็ได้
ประโยชน์ในการเล่น : เล่นเพื่อนผ่อนคลายเพื่อความสนุกสนาน 
4.เพลงประกอบการละเล่นภาคใต้ จุ้มจี้

 อุปกรณ์
๑. จำนวนผู้เล่นตั้งแต่ ๓-๑๐ คน
๒. สถานที่นิยมเล่นในที่ร่ม
วิธีการเล่น
จุ้มจี้ หรือจ้ำจี้ เป็นการเล่นเสี่ยงทายคัดเลือกคนออกไปจากวงโดยการนับและใช้นิ้วชี้ไปยังมือ หรือนิ้วของผู้เล่น จำนวนผู้เล่นตั้งแต่ ๓-๑๐ คน สถานที่เล่นนิยมเล่นในร่ม ก่อนเริ่มเล่นต้องเสี่ยงทายคนจี้เสียก่อน เมื่อได้ตัวคนจี้แล้ว ผู้เล่นทุกคนรวมทั้งผู้จี้ด้วยต้องนั่งล้อมเป็นวงกลม คว่ำฝ่ามือทั้ง ๒ ข้างลงบนพื้นข้างหน้ายกเว้นคนจี้จะคว่ำฝ่ามือลงข้างเดียว อีกข้างหนึ่งจะใช้สำหรับจี้หลังมือทุกมือที่วางอยูในวง โดยเริ่มจี้จากมือของตนเองก่อน ขณะที่จี้ผู้เล่นช่วยกันร้องเพลงประกอบการเล่น ๑ พยางค์ต่อการจี้ ๑ ครั้งหรือ ๑ มือ เมื่อพยางค์สุดท้ายของเพลงตกตรงที่มือไหนมือนั้นจะต้องยกออกจากวง ผู้จี้จะร้องเพลงประกอบและจี้ไปเรื่อยๆจนเหลือผู้เล่นเหลือมืออยู่ในวงคน เดียวและเป็นสุดท้ายก็เป็นผู้ชนะ ถ้าจะเล่นต่อไปผู้ชนะก็จะเป็นผู้จี้แทนคนเดิม
เพลงร้องประกอบการเล่นจุ้มจี้มีมากมายหลายสำนวน อาจผิดเพี้ยนกันไปบ้างเพราะการถ่ายทอดมาหลายๆขั้นจึงทำให้ถ้อยคำอาจแตกต่าง กันไปในจังหวัดภูเก็ต ได้แก่
๑. จุ้มจี้ จุ้มเจ้า จุ้มหมากหัวเน่า จุ้มพลูใบมน คดข้าวใส่ถาด นางนาฏเล่นกล เอาไปสักคน นายเพื่อนเราเอย

โอกาสหรือเวลาที่เล่น
จุ้มจี้ เป็นการละเล่นของเด็ก โดยเล่นในเวลาที่ว่างๆหรือมีจำนวนผู้เล่นมากพอสมควร พร้อมที่จะเล่นได้
คุณค่า/แนวคิด/สาระ
๑.      ทำให้เกิดความสนุกสนาน มีความรัก ความสามัคคีในกลุ่มเพื่อน
๒. ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์




สมาชิกในกลุ่ม เพลงพื้นบ้าน
ประเภท เพลงประกอบการละเล่น

1. นางสาวสุธิดา            จันทะรา             รหัสนักศึกษา        57210406108          หมู่   1
2. นางสาวปณิดา           เผ่ามงคล            รหัสนักศึกษา        57210406109         หมู่  1
3. นายอภิศักดิ์              โถแก้วเขียว          รหัสนักศึกษา        57210406115          หมู่   1
4. นางสาวสุภาวดี           เวงวิถา              รหัสนักศึกษา        57210406126          หมู่   1
5. นายณรงค์ชัย            รุทชาติ               รหัสนักศึกษา          57210406132          หมู่   1
6. นางสาวปิยะพร          ภูชมศรี               รหัสนักศึกษา        57210403424         หมู่  1
7. นางสาวญาณัฉรา       โถชัยคำ              รหัสนักศึกษา       57210406201          หมู่   2
8. นางสาวจินตนาพร       หล่อยดา            รหัสนักศึกษา        57210406202          หมู่  2
9. นางสาววิชุดา             ผาทอง              รหัสนักศึกษา        57210406208         หมู่   2
10. นางสาวอมรรัตน์       คำอยู่                รหัสนักศึกษา       57210406216           หมู่   2
  11. นางสาวปิยะดา          เสียงสาว            รหัสนักศึกษา       57210406227        หมู่  2 
12. นางสาวอินทุอร         กุลชโมรินทร์      รหัสนักศึกษา       57210406230        หมู่  2
  13 .นางสาวรัตชะตาพร     อิมเพชร์             รหัสนักศึกษา      57210406233        หมู่  2   

            นักศึกษาชั้นปีที่  3  

เสนอ
อาจารย์วัชรวร    วงศ์กันหา


ภาคเรียนที่  2 ปีการศึกษา 2559  

 สาขาวิชาภาษาไทย  คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น