ภารกิจพิเศษ วิเคราะห์วรรณกรรมเรื่อง ผาแดงนางไอ่
บทที่ 1 สรุปเนื้อหาวรรณกรรม ผาแดงนางไอ่
ครั้งหนึ่ง ยังมีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อ "นครเอกชะทีตา" มีพระยาขอมเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองด้วยความร่มเย็น พระยาขอมมีพระธิดาสาวสวยนามว่า "นางไอ่คำ" ซึ่งเป็นที่รักและ หวงแหนมาก จึงสร้างปราสาท 7 ชั้นให้ อยู่พร้อมเหล่าสนม กำนัล คอยดูแลอย่างดี
ขณะเดียวกันยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่งชื่อ "เมืองผาโพง" มีเจ้าชายนามว่า "ท้าวผาแดง" เป็นกษัตริย์ปกครองอยู่ ท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง ได้ยินกิตติศัพท์ความงามของธิดาไอ่คำมาก่อนแล้ว ใคร่อยากจะเห็นหน้า จึงปลอมตัวเป็นพ่อค้าพเนจร ถึง นครเอกชะทีตา และติดสินบนนางสนมกำนัล ให้นำของขวัญลอบเข้าไปให้นางไอ่คำ ด้วยผลกรรมที่ผูกพันกันมาแต่ชาติ ปาง ก่อนนางไอ่คำกับท้าวผาแดง จึงได้มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน จนในที่สุดทั้ง 2 ก็ได้อภิรมย์สมรักกัน
ครั้งหนึ่ง ยังมีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อ "นครเอกชะทีตา" มีพระยาขอมเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองด้วยความร่มเย็น พระยาขอมมีพระธิดาสาวสวยนามว่า "นางไอ่คำ" ซึ่งเป็นที่รักและ หวงแหนมาก จึงสร้างปราสาท 7 ชั้นให้ อยู่พร้อมเหล่าสนม กำนัล คอยดูแลอย่างดี
ขณะเดียวกันยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่งชื่อ "เมืองผาโพง" มีเจ้าชายนามว่า "ท้าวผาแดง" เป็นกษัตริย์ปกครองอยู่ ท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง ได้ยินกิตติศัพท์ความงามของธิดาไอ่คำมาก่อนแล้ว ใคร่อยากจะเห็นหน้า จึงปลอมตัวเป็นพ่อค้าพเนจร ถึง นครเอกชะทีตา และติดสินบนนางสนมกำนัล ให้นำของขวัญลอบเข้าไปให้นางไอ่คำ ด้วยผลกรรมที่ผูกพันกันมาแต่ชาติ ปาง ก่อนนางไอ่คำกับท้าวผาแดง จึงได้มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน จนในที่สุดทั้ง 2 ก็ได้อภิรมย์สมรักกัน
ก่อนท้าวผาแดงจะจากไป เพื่อจัดขบวนขันหมากมาสู่ขอ ทั้ง 2 ได้คร่ำครวญต่อกันด้วยความอาลัยยิ่ง วันเวลาผ่านไปถึงเดือน 6 เป็นประเพณีแต่โบราณของเมืองเอกชะทีตา
จะต้องมีการทำบุญบั้งไฟบูชาพญาแถนระยาขอม จึงได้ประกาศบอก ไปตามหัวเมืองต่างๆ ว่า
บุญบั้งไฟปีนี้จะเป็นการหาผู้ที่จะมาเป็นลูกเขยอีกด้วย ขอให้เจ้าชายหัวเมืองต่างๆ
จัดทำบั้งไฟมาจุดแข่งขันกัน ผู้ใดชนะก็จะได้อภิเษกกับพระธิดาไอ่คำด้วย
ข่าวนี้ได้ร่ำลือไปทั่วสารทิศ ทุกเมืองในขอบเขตแว่นแคว้นต่างก็ส่งบั้งไฟเข้ามาแข่งขัน เช่น เมืองฟ้าแดดสูงยาง เมืองเชียงเหียน เชียงทอง แม้กระทั่งพญานาคใต้เมืองบาดาลก็อดใจไม่ไหว ปลอมตัวเป็นกระรอกเผือกมาดูโฉมงามนางไอ่คำด้วยในวันงานบุญบั้งไฟ เมื่อถึงวันแข่งขันจุดบั้งไฟ ปรากฏว่า บั้งไฟท้าวผาแดงจุดไม่ขึ้นพ่นควันดำอยู่ถึง 3 วัน 3 คืน จึงระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆทำให้ความหวังท้าวผาแดงหมดสิ้นลง ขณะเดียวกัน ท้าวพังคีพญานาค ที่ปลอมเป็นกระรอกเผือก มีกระดิ่งผูกคอน่ารัก มาไต่เต้นไปมาอยู่บนยอดไม้ ข้างปราสาทนางไอ่คำ ก็ปรากฏร่างให้นางไอ่คำเห็น นางจึงคิดอยากได้มาเลี้ยง แต่แล้วก็จับไม่ได้ จึงบอกให้นายพราน ยิงเอาตัวตายมา ในที่สุดกระรอกเผือกพังคีก็ถูกยิงด้วยลูกดอกจนตาย ก่อนตายท้าวพังคีได้อธิษฐานไว้ว่า "ขอให้เนื้อของข้าได้แปดพันเกวียน คนทั้งเมืองอย่าได้กินหมดเกลี้ยง"
จากนั้นร่างของกระรอกเผือกก็ใหญ่ขึ้น จนผู้คนแตกตื่นมาดูกัน และจัดการแล่เนื้อแบ่งกันไปกินทั่วเมืองด้วยว่าเป็นอาหาร ทิพย์ ยกเว้นแต่พวกแม่ม่ายที่ชาวเมืองรังเกียจ ไม่แบ่งเนื้อกระรอกให้ พญานาคแห่งเมืองบาดาลทราบข่าวท้าวพังคีถูกมนุษย์ฆ่าตาย แล่เนื้อไปกินกันทั้งเมือง จึงโกธรแค้นยิ่งนัก ดึกสงัดของคืนนั้นขณะที่ชาวเมืองชะทีตากำลังหลับไหล เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ท้องฟ้าอื้ออึงไปด้วยพายุฝนฟ้า กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ฟ้าแลบอยู่มิได้ขาด แผ่นดินเริ่มถล่มยุบตัวลงไปทีละน้อย ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของผู้คนที่วิ่งหนี ตาย เหล่าพญานาคผุดขึ้นมานับหมื่น นับแสนตัว ถล่มเมืองชะทีตาจมลงใต้บาดาลทันที คงเหลือไว้เป็นดอน 3 - 4 แห่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกแม่ม่ายไม่ได้กินเนื้อกระรอกเผือกจึงรอดตายฝ่ายท้าวผาแดงได้โอกาสรีบควบม้าหนีออกจากเมือง โดยไม่ลืมแวะรับพระธิดาไอ่คำไปด้วย แต่แม้จะเร่งฝีเท้า ม้าเท่าใด ก็หนีไม่พ้นทัพพญานาคที่ทำให้แผ่นดินถล่มตามมาติดๆ ในที่สุดก็กลืนท้าวผาแดงและพระธิดาไอ่คำพร้อมม้าแสน รู้ชื่อ "บักสาม" จมหายไปใต้พื้นดินรุ่งเช้าภาพของเมืองเอกชะทีตาที่เคยรุ่งเรืองโอฬาร ก็อันตธานหายไปสิ้น คงเห็นพื้นน้ำกว้างยาวสุดตา ทุกชีวิตในเมืองเอกชะทีตาจมสู่ใต้บาดาลจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่แม่ม่ายบนเกาะร้าง 3 - 4 แห่ง ในผืนน้ำอันกว้างนี้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหนองหานหลวง ดังปรากฏในปัจจุบัน.
ที่มาและความสำคัญ
ข่าวนี้ได้ร่ำลือไปทั่วสารทิศ ทุกเมืองในขอบเขตแว่นแคว้นต่างก็ส่งบั้งไฟเข้ามาแข่งขัน เช่น เมืองฟ้าแดดสูงยาง เมืองเชียงเหียน เชียงทอง แม้กระทั่งพญานาคใต้เมืองบาดาลก็อดใจไม่ไหว ปลอมตัวเป็นกระรอกเผือกมาดูโฉมงามนางไอ่คำด้วยในวันงานบุญบั้งไฟ เมื่อถึงวันแข่งขันจุดบั้งไฟ ปรากฏว่า บั้งไฟท้าวผาแดงจุดไม่ขึ้นพ่นควันดำอยู่ถึง 3 วัน 3 คืน จึงระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆทำให้ความหวังท้าวผาแดงหมดสิ้นลง ขณะเดียวกัน ท้าวพังคีพญานาค ที่ปลอมเป็นกระรอกเผือก มีกระดิ่งผูกคอน่ารัก มาไต่เต้นไปมาอยู่บนยอดไม้ ข้างปราสาทนางไอ่คำ ก็ปรากฏร่างให้นางไอ่คำเห็น นางจึงคิดอยากได้มาเลี้ยง แต่แล้วก็จับไม่ได้ จึงบอกให้นายพราน ยิงเอาตัวตายมา ในที่สุดกระรอกเผือกพังคีก็ถูกยิงด้วยลูกดอกจนตาย ก่อนตายท้าวพังคีได้อธิษฐานไว้ว่า "ขอให้เนื้อของข้าได้แปดพันเกวียน คนทั้งเมืองอย่าได้กินหมดเกลี้ยง"
จากนั้นร่างของกระรอกเผือกก็ใหญ่ขึ้น จนผู้คนแตกตื่นมาดูกัน และจัดการแล่เนื้อแบ่งกันไปกินทั่วเมืองด้วยว่าเป็นอาหาร ทิพย์ ยกเว้นแต่พวกแม่ม่ายที่ชาวเมืองรังเกียจ ไม่แบ่งเนื้อกระรอกให้ พญานาคแห่งเมืองบาดาลทราบข่าวท้าวพังคีถูกมนุษย์ฆ่าตาย แล่เนื้อไปกินกันทั้งเมือง จึงโกธรแค้นยิ่งนัก ดึกสงัดของคืนนั้นขณะที่ชาวเมืองชะทีตากำลังหลับไหล เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ท้องฟ้าอื้ออึงไปด้วยพายุฝนฟ้า กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ฟ้าแลบอยู่มิได้ขาด แผ่นดินเริ่มถล่มยุบตัวลงไปทีละน้อย ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของผู้คนที่วิ่งหนี ตาย เหล่าพญานาคผุดขึ้นมานับหมื่น นับแสนตัว ถล่มเมืองชะทีตาจมลงใต้บาดาลทันที คงเหลือไว้เป็นดอน 3 - 4 แห่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกแม่ม่ายไม่ได้กินเนื้อกระรอกเผือกจึงรอดตายฝ่ายท้าวผาแดงได้โอกาสรีบควบม้าหนีออกจากเมือง โดยไม่ลืมแวะรับพระธิดาไอ่คำไปด้วย แต่แม้จะเร่งฝีเท้า ม้าเท่าใด ก็หนีไม่พ้นทัพพญานาคที่ทำให้แผ่นดินถล่มตามมาติดๆ ในที่สุดก็กลืนท้าวผาแดงและพระธิดาไอ่คำพร้อมม้าแสน รู้ชื่อ "บักสาม" จมหายไปใต้พื้นดินรุ่งเช้าภาพของเมืองเอกชะทีตาที่เคยรุ่งเรืองโอฬาร ก็อันตธานหายไปสิ้น คงเห็นพื้นน้ำกว้างยาวสุดตา ทุกชีวิตในเมืองเอกชะทีตาจมสู่ใต้บาดาลจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่แม่ม่ายบนเกาะร้าง 3 - 4 แห่ง ในผืนน้ำอันกว้างนี้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหนองหานหลวง ดังปรากฏในปัจจุบัน.
ที่มาและความสำคัญ
เป็นตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาถึงมูลเหตุที่ทำให้เกิดหนองหาน
จังหวัดสกลนคร และอุดรธานี
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับรักสามเส้าโศกนาฏกรรมระหว่างนางไอ่ ท้าวผาแดง และท้าวภังคี
ในเรื่องมีการแข่งขันจุดบั้งไฟ เมื่อท้าวภังคีซึ่งคือพญานาคผู้แปลงตัวเป็นกระรอกเผือกถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตาย
พญานาคผู้เป็นบิดาจึงบันดาลให้เกิดเมืองล่มจมสู่บาดาล
เกิดเป็นตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาถึงหนองน้ำใหญ่ที่มีเมืองล่มอยู่ภายใต้หนองน้ำนั้น
ตำนานเรื่องนี้จึงชี้ให้เห็นโทษของการทำลายธรรมชาติ (พญานาค)
จนทำให้เมืองมนุษย์ล่มสลาย ตำนานเรื่องนี้ใช้อธิบายภูมิศาสตร์และภูมินามในหลายสถานที่ในสกลนครและอุดรธานี
ในปัจจุบัน
มีการใช้ตำนานเรื่องนี้ในประเพณีบุญบั้งไฟด้วยเนื่องจากในตำนานมีเรื่องของการแข่งขันจุดบั้งไฟ
ในขบวนแห่บั้งไฟในปัจจุบันจึงมีการนำเสนอตัวละครผาแดง-นางไอ่ด้วย
ผู้แต่ง นายสิริวัฒน์ คำวันสา สำนักพิมพ์ คุรุสภาราดพร้าว ปีที่พิมพ์ 2552
เรียบเรียงโดย เตชวโรภิกขุ
( อีนตา กวีวงศ์ ) สำนักพิมพ์คลังนานาวิทยา ปีที่พิมพ์ 2544 ร้านคลังนานาธรรม
ก่อตั้งพ.ศ. 2480
161/6-8 ด้านข้างโรงเรียนกัลยาณวัตร ถนนกลางเมือง
ตำบลในเมือง
อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40000
Tel 043-221591,
043-221346 แฟ๊กซ์ 043-223482
EMAIL:
KLANGNANATHAM@GMAIL.COM
บทที่2 การวิเคราะห์ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรมเรื่องผาแดงนางไอ่
1. วิเคราะห์ชื่อเรื่อง ผาแดง นางไอ่
- ชื่อเรื่องของวรรณกรรมท้องถิ่นอีสาน เรื่อง ผาแดง นางไอ่
นี้มีที่มาจากการนำเอาชื่อของตัวละครเอก ที่เป็นพระนางในเรื่องมาตั้งชื่อวรรณกรรม
2. แก่นเรื่อง
2. แก่นเรื่อง
-
รักสามเศร้าเหตุแห่งโศกนาฏกรรมแห่งรัก
3. โครงเรื่อง
3. โครงเรื่อง
การเปิดเรื่อง
- เป็นการบรรยายเกี่ยวกับ
พระยาขอม เจ้าเมืองครองเมือง เอกธิดา หรือ เอกชะธีตา ที่มี
พระธิดาที่มีโฉมงดงาม
ชื่อว่า นางไอ่คำ
การดำเนินเรื่อง
- ท้าวผาแดง เจ้าชายเมืองผาโพง ทราบข่าวเล่าลือถึงสิริโฉมอันงดงามของ นางไอ่
ก็เกิดความหลงไหลใฝ่ฝันในตัวนางไอ่
จึงทอดสัมพันธ์ไมตรีด้วยการส่งแก้วแหวนเงินทองและผ้าแพรพรรณเนื้อดีไปฝากและแอบไป
- ผาแดงแอบไปหานางไอ่และรักใคร่กัน
ผาแดงสัญญากับนางไอ่ว่าจะมาสู่ขอตามประเพณี
- ท้าวพังคี
ลูกชายพญาศรีสุทโธ พญานาคผู้ครองเมืองบาดาล อีกตนหนึ่งที่อยากยลสิริโฉมของ นางไอ่
เพราะกรรมที่เคยทำร่วมกันในอดีตจึงทำให้เป็นเช่นนี้
- บรรยายถึง
อดีตชาติ ของพังคี ที่เคยเป็นชายหนุ่มที่ยากจนบ้าใบ้
- พระยาขอมมีใบฏีกาบอกไปยังเมืองต่างๆให้มาแข่งบั้งไฟ
ใครชนะจะยก นางไอ่ให้เป็นคู่ครอง
- พระยาขอมกำหนดวันขึ้น
15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันแข่งบั้งไฟ
- ผาแดงมาร่วมงานแข่งบั้งไฟ
- ภังคีแปลงกายเป็นกระรอกเพื่อชมความงามของนางไอ่
และลุ้นว่าใครจะได้นางไอ่ไปครอง
- การแข่งขันไม่มีใครแพ้ใครชนะทุกคนแยกย้ายกลับเมือง
- ภังคีกลับไปเมืองบาดาลแล้วกลับมาเมืองเอกธิดาอีกครั้งโดยแปลงกายเป็นกระรอกมีกระดิ่งห้อยคอ
- ภังคีกลับไปเมืองบาดาลแล้วกลับมาเมืองเอกธิดาอีกครั้งโดยแปลงกายเป็นกระรอกมีกระดิ่งห้อยคอ
- นางไอ่อยากได้กระรอกน้อยมาเลี้ยง
แต่จับเป็นไม่ได้เลยให้นายพรานจับตาย
- นายพรานแจกจ่ายเนื้อกระรอกให้ชาวเมืองกินยกเว้นแม่ฮ้างแม่ม่ายไม่มีโอกาสได้ชิมรสของกระรอกด่อน
- พญานาคราชทราบข่าวภังคีตายก็มีความโกธร ทำให้เกิดแผ่นดินไหวเกิดน้ำทะลักเจ้าท่วมเมืองเอกธิดาผู้คนจมหายลงใต้น้ำหมดยกเว้นหญิงแก่หญิงม่ายที่ไม่ได้กินเนื้อกระรอก
- ผาแดงทราบข่าวเมืองเอกธิดาและจะกลับมาช่วยนางไอ่แต่ช่วยไม่ได้นางไอ่จมลงใต้น้ำ
การปิดเรื่อง
- นายพรานแจกจ่ายเนื้อกระรอกให้ชาวเมืองกินยกเว้นแม่ฮ้างแม่ม่ายไม่มีโอกาสได้ชิมรสของกระรอกด่อน
- พญานาคราชทราบข่าวภังคีตายก็มีความโกธร ทำให้เกิดแผ่นดินไหวเกิดน้ำทะลักเจ้าท่วมเมืองเอกธิดาผู้คนจมหายลงใต้น้ำหมดยกเว้นหญิงแก่หญิงม่ายที่ไม่ได้กินเนื้อกระรอก
- ผาแดงทราบข่าวเมืองเอกธิดาและจะกลับมาช่วยนางไอ่แต่ช่วยไม่ได้นางไอ่จมลงใต้น้ำ
การปิดเรื่อง
- ท้าวผาแดงและนางไอ่ถูกพญานาคกลืนกินตายไปตามกัน
4. วิเคราะห์ตัวละคร
4. วิเคราะห์ตัวละคร
ตัวละครหลัก
1 ท้าวผาแดง
เจ้าชายเมืองผาโพง เป็นชายที่มีรูปร่างสง่างาม องอาจ ผึ่งผาย เป็นที่ต้องตาต้องใจของหญิงที่พบเห็น
มีชาติเป็นมนุษย์
2 นางไอ่
เป็นธิดาของพระยาขอมแห่งเมืองเอกซะทีตา
เป็นหญิงที่มีรูปร่างหน้าตางดงาม ซึ่งจะหาสาวงามนางใดในสามภพมาเทียบมิได้
3 ท้าวพังคี
ลูกชายพญาศรีสุทโธ
พญานาคผู้ครองเมืองบาดาล ก็เป็นอีกตนหนึ่งที่มี ความไฝ่ฝันอยากยลศิริโฉมของนางไอ่
ทั้งนี้ก็เพราะเป็นเวรกรรมในอดีตชาตินั้นบันดาลให้เป็นไป
ตัวละครรอง
1. ท้าวสุทโธนาค
เป็นพญานาคแห่งเมืองบาดาล
เป็นพ่อที่มีความรักลูกมาก เวลาโมโหหรือโกรธจะน่ากลัว
2. พระยาขอม
เป็นกษัตริย์ครองเมืองเอกซะฑีตา เป็นพระบิดาที่มีความรักลูกมาก
5. ภาษา
นิทานผาแดง นางไอ่ ในหนังสือเล่มที่เลือกมาศึกษา
จะแต่งเป็นคำกลอนโบราณอีสาน ฉันทลักษณ์ที่ใช้จะเป็นภาษาอีสาน คล้ายการแต่งร่าย
มีสัมผัสสระและพยัญชนะเพื่อทำให้เกิดความคล้องจอง
ไพเราะและทำให้ผู้อ่านเกิดความคล้อยตามเน้นการใช้ภาษาอีสานหรือภาษาลาว
เพราะเป็นวรรณกรรมอีสานเป็นหนังสือที่เหมาะแก่ผู้อ่านทั่วๆไปเพื่อความสนุกสนาน
อ่านแล้วทำให้ฉุดคิด มีคติสอนใจ ไม่ว่าจะเป็นคติทางโลกและทางธรรม
เป็นหนังสือที่ใช้ภาษาอีสานหรือภาษาลาวได้ไพเราะมาก
6.
ฉาก
ฉากหลัก
1. เมืองเอกซะฑีตา
- มีพระยาขอมเป็นกษัตริย์ทีครองเมือง เป็นสถานที่จัดแข่งบั้งไฟ
เพื่อหาคู่ให้นางไอ่ ถ้าใครแข่งบั้งไฟชนะจะได้นางไอ่ไปครอง
- เป็นสถานที่นางไอ่กับผาแดงแอบลักลอกมาหากันเกิดเป็นความรัก
- เป็นสถานที่เหกิดเหตุการณ์ท้าวสุโธนาคไล่ฆ่าผู้คนด้วยความโกรธที่ลูกชายพังคีตาย
ฉากรอง
1. เมืองบาดาล
- พังคี ทูลขออนุญาตพระบิดาขึ้นมาเมืองมนุษย์
บทที่
3 ความโดเด่น
ด้านเนื้อหา
ด้านเนื้อหา
วรรณกรรมเรื่องผาแดงนางไอ่ ถือเป็นวรรณกรรมที่ได้สอดแทรก
ขนบธรรมเนียมประเพณี ที่โดดเด่นที่รู้จักกันมากนั้นคือ ประเพณีบุญบั้งไฟ
และยังแทรก ค่านิยม ความเชื่อ และปรัชญาชีวิตของคนอีสานไว้มากมาย
ด้านตัวละคร
วรรณกรรมเรื่องผาแดงนางไอ่ ตัวละครเป็นตัวกำหนดให้เรื่องดำเนินไปต่อได้ และกล่าวถึงความรักที่พังคีมั่นคงในรักเดียวต่อนางไอ่ที่มีมาแต่ชาติที่แล้วจนมาถึงปัจจุบันชาติ
ด้านการใช้ภาษา
ในการแต่งวรรณกรรมเรื่อง ผาแดง นางไอ่ จะใช้ภาษาลาวและภาษาไทยลาว โดยแต่งเป็นคำกลอนโบราณที่ดึงดูดความสนใจ ภาษาสละสลวย
ด้านตัวละคร
วรรณกรรมเรื่องผาแดงนางไอ่ ตัวละครเป็นตัวกำหนดให้เรื่องดำเนินไปต่อได้ และกล่าวถึงความรักที่พังคีมั่นคงในรักเดียวต่อนางไอ่ที่มีมาแต่ชาติที่แล้วจนมาถึงปัจจุบันชาติ
ด้านการใช้ภาษา
ในการแต่งวรรณกรรมเรื่อง ผาแดง นางไอ่ จะใช้ภาษาลาวและภาษาไทยลาว โดยแต่งเป็นคำกลอนโบราณที่ดึงดูดความสนใจ ภาษาสละสลวย
บทที่ ๔
การนำไปประยุกต์ใช้
1. ประติมากรรมท้าวผาแดง – นางไอ่ ขี่ม้าหนีพญานาค
(เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ)
2. มีการนำมาเป็นแต่งหนังสือนิทานสำหรับอ่านเล่น
3.มีการนำมาแต่งเป็นเพลง เป็นกลอนลำที่ใช้ร้องเล่น
ใช้ในการแสดง
สรุปท้ายเรื่อง อินโฟกราฟฟิค
เรื่อง ผาแดง นางไอ่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น